วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

                                 
                                                                  ผ้าขาวม้า


                                         

"ผ้าขาวม้า" นับเป็นผ้าสารพัดประโยชน์ที่คนไทยใช้มาแต่โบราณ ส่วนใหญ่ผู้ใช้จะเป็นเพศชาย มีลักษณะเป็นผ้ารูปสี่เหลี่ยม ความกว้างประมาณ 2 ศอก ยาวประมาณ 3-4 ศอก จึงนิยมนำมาใช้นุ่งอาบน้ำ เช็ดตัว คลุมหัวกันแดด หรือทำเปลก็ได้ บ้างจึงเรียกว่า ìผ้าเคียนเอวî โดยมากทอเป็นลายตารางเล็กๆ นิยมใช้ด้ายหลายสี อีกทั้งสีและลายยังมีความแตกต่างกันตามความนิยมของแต่ละท้องถิ่น อย่างทางภาคกลางใช้เป็นลายสก๊อต แต่ทางอีสานใช้เป็นตาเล็ก

                                                                 

วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556


ผ้าขาวม้า

ประวัติความเป็นมา

“ผ้าขาวม้า” เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป ถึงวิธีการใช้ประโยชน์ของผ้าขาวม้า ซึ่งมีประโยชน์มากมาย หลากหลายขึ้นอยู่กับผู้ที่จะใช้แต่ยังมีหลายคนที่ยังไม่ทราบความเป็นมาของผ้าขาวม้า และกระบวนการ ขั้นตอนการทำให้เป็นผืนผ้า
ผ้าขาวม้าดังกล่าวชุมชนบ้านโคกใน ได้ผลิตหรือทอผ้าขาวม้ามาตั้งแต่บรรพบุรุษเมื่อครั้งยังอยู่ในประเทศลาวจากการสอบถามผู้สูงอายุในหมู่บ้าน ถึงหมายและที่ไป ที่มาของคำว่า “ผ้าขาวม้า” ไม่มีใครทราบถึงความหมายบอกเพียงว่าแต่ก่อนเรียกว่า “ผ้าขำม้า” ผู้คนในหมู่บ้าน ผู้เฒ่าผู้แก่ ตลอดจน ครู-อาจารย์ ให้ความเห็นว่าคำว่า “ผ้าขำม้า”มาเป็น “ผ้าขาวม้า” คำพูดของคนรุ่นต่อๆมาอาจจะเพี้ยนไปจาก “ขำ” เป็น “ขาว” ก็เป็นได้ เพราะเป็นคำที่ใกล้เคียงกัน
การทอผ้าขาวม้า ของกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านโคกในหมู่ที่ 7 ตำบลบ้านโคกยังคงอนุรักษ์การทอ และยังใช้วัสดุในการผลิตแบบดั่งเดิมอยู่ จึงเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวบ้านที่มีมาตั้งแต่บรรพบุรุษและได้พัฒนารูปแบบมาอย่างต่อเนื่องโดยใช้แนวความคิดของแต่ละคนจะทอตามที่ตนเห็นว่าสวยงามทางชาวบ้านจึงได้มีแนวคิดที่จะอนุรักษ์ไว้เพื่อเป็นการสืบทอดภูมิปัญญาดังกล่าวไว้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้สึกษาหาความรู้จึงได้รวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มทอผ้าพื้นเมือง (ผ้าขาวม้า) เมื่อ ปี 2545และได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องโดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐทั้งด้านวิชาการ และงบประมาณ เช่น สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอบ้านโคกศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอบ้านโคก เป็นต้น